[EXO Fiction_BaekHyun] Memoirs of The Rainy Day - [EXO Fiction_BaekHyun] Memoirs of The Rainy Day นิยาย [EXO Fiction_BaekHyun] Memoirs of The Rainy Day : Dek-D.com - Writer

    [EXO Fiction_BaekHyun] Memoirs of The Rainy Day

    อย่างน้อยฉะนเคยได้รักเธอ...แบคฮยอน (เรื่องราวของแบคฮยอนกับแฟนคลับนะคะ มโนกันไปตามแต่ต้องการ มีอะไรติชมได้เต็มที่เลยนะคะ ^ ^)

    ผู้เข้าชมรวม

    157

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    157

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ม.ค. 57 / 15:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [Fiction] Memoirs in the Rainy Day

      ฝนตกอีกแล้ว...

      ฉันเคยเกลียดฝน

      เพราะฝนทำให้การเดินทางมาเรียนของฉันมันยากขึ้น

      เพราะฝนทำให้ผ้าที่ฉันซักไว้ตั้งแต่เมื่อวานมันไม่ยอมแห้งซักที

      เพราะฝนทำให้ฉันต้องยืนสูดน้ำมูกตัวเอง และมีไข้ขึ้น แต่ต้องมาหาอาจารย์วันนี้ทั้งๆที่เมื่อวานก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะมัววุ่นวายอยู่ที่บ้าน

      แต่ว่า...

      ถ้าไม่ใช่เพราะฝน ฉันก็คงไม่ได้เจอเขาเหมือนวันนี้

      "ร่มมั้ยครับ?"

      เสียงนุ่มที่ฉันจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใครเอ่ยถาม หึหึ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครละ ในเมื่อเจ้าของเสียงคือนักร้องดังประจำโรงเรียนที่ฉันแอบมองเค้ามาเกือบ 6 เดือนแล้วตั้งแต่เค้าชนะการแข่งขันร้องเพลงเมื่อคราวก่อน

      ฉันมองหน้าเค้าอึ้งๆ ในหัวมันตื้อไปหมด ก่อนจะรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

      "อ่า...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เปียกเท่าไหร่"

      ฉันพยายามยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดส่งไปให้ แต่ก็เดาได้ว่าภาพที่เค้าเห็นคงเป็นยิ้มแหยๆเสียมากกว่า

      "กระเป๋าเปียกแล้วนะ"

      เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ยทักพร้อมใช้มือข้างซ้ายที่ไม่ถือร่มดึงส่วนของกระเป๋าเป้ฉันที่เริ่มเปียกแล้วให้ฉันดู

      ฉันเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนเปลี่ยนมาสะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าแทน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่มคันใหญ่มาบังหน้าฉันไว้

      "เปลี่ยนมาสะพายด้านหน้าก็เปียกอยู่ดีแหละ ใช้ร่มนี้เถอะนะ"

      และตอนนี้เขาและฉันก็ได้ยืนอยู่ด้วยกันท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมา

       

      "บ้านเธออยู่แถวไหนเหรอ"

      อยู่ๆเค้าก็ถามขึ้นมา ทั้งๆที่ตอนแรกเราทั้งสองก็ได้แต่ยืนเงียบกันทั้งคู่

      "ไปทางฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวซองกยอลอีกประมาณสามช่วงตึกน่ะ แล้วเธอล่ะ"

      ความจริงฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะความจริงฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน

      "หอพักหลังโรงเรียนนี่แหละ"

      "อ๋อ แล้ววันนี้เธอมาโรงเรียนทำไมน่ะ ช่วงนี้ปิดเทอมนี่หน่า "

      เขาถอนหายใจเบาๆก่อนตอบ

      “ฉันต้องมาเก็บตัวเพื่อไปประกวดร้องเพลงน่ะ มาอยู่นี่ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว”

      ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเสแสร้งมองผ่านสายฝนตรงหน้าออกไปทั้งๆที่ในใจอยากมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนข้างๆชัดๆซักครั้ง

      "เธอชอบฉันเหรอ?"

      "หา?"

      คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ทำเอาฉันถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

      ทำไมเค้าถึงรู้ล่ะ? หรือยัยโบราจะเอาเรื่องฉันไปบอกเค้านะ ต้องใช่แน่ๆเลย ยัยนี่รู้จักแบคฮยอน แล้วยังรู้อีกว่าฉันชอบแบคฮยอน แถมยัยนี่ยังเคยขู่ว่าจะเอาเรื่องของฉันไปบอกแบคฮยอนด้วย ตายแน่ๆ

      "ฉันเห็นเธอไปดูฉันร้องเพลงเมื่อสามวันก่อนที่ร้านน้าคยองมี เธอไปที่นั่นประจำหรือ เธอไปเพื่อไปดูฉันเหรอ"

      เอ๋?...ถ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าเค้าก็คงยังไม่รู้สินะ เฮ้อ โล่งอก

      "เอ่อ...ฉันไปร้านนั้นประจำแหละ"

      พูดจบแล้วฉันก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายซะ ทำไมไม่บอกว่าฉันไปเพื่อดูเค้านะ จะเขินทำไมกัน

      "อ้าวเหรอ นึกว่าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับฉันซะอีก ฮ่าๆ โทษทีฉะนก็หลงตัวเองแบบนี้แหละ"

      (เป็นสิ ตัวแม่เลยล่ะ) ฉันได้แต่พูดประโยคนี้ในใจ

      "ร้านน้าคยองมีเค้าให้เรานั่งทำการบ้านนานๆได้นะ ฉันเลยชอบไปนั่งที่นั่น"

      ฉันยังคงโกหกไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ความจริงนั่นคือผลพลอยได้ต่างหาก เพราะจริงๆแล้วฉันก็ไปร้านน้าคยองมีเพื่อดูเขาร้องเพลงจริงๆ

      "งั้นเหรอ...แล้วเธอเคยคุ้นหน้าฉันบ้างมั้ย"

      ฉันหันไปมองหน้าเค้าเล็กน้อยแล้วก็ตอบไปพร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้งสุดชีวิต

      "ก็เคยบ้างน่ะ เธอเป็นนักร้องประจำโรงเรียนนี่"

      เขายิ้มน้อยๆ พลางใช้มือซ้ายยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทีเขินๆ

      "ไม่ขนาดนั้นหรอก ฮ่าๆ ถ้าอาจารย์ไม่ให้ฉันไปร้องเพลงหน้าเสาธง ป่านนี้จะมีใครรู้จักฉันรึเปล่าก็ไม่รู้"

      แบคฮยอนพูดอย่างติดตลก ส่วนฉันก็ได้แต่หัวเราะตามเค้าไปทั้งๆที่ในใจอยากเถียงใจจะขาดว่า ตั้งแต่วันแรกที่เค้าขึ้นไปร้องเพลงเค้าก็ได้สร้างกลุ่มแฟนคลับของตัวเองขึ้นมาแล้วนะ อาจจะไม่มาก แต่ก็เกือบทั้งโรงเรียนที่ติดตามเรื่องราวของเขาอยู่ แน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีฉันรวมอยู่ด้วย

      "ว่าแต่เธออยู่ห้องอะไรเหรอ ฉันอยู่ ม. 5 ห้อง 2"

      "ฉันห้อง 6 น่ะ ม.5 เหมือนกันสายศิลป์-คำนวณ"

      ฉันตอบไป แต่ไม่รู้ทำไมคำตอบของฉันถึงทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้วจึงรีบสวนถามฉันขึ้นทันที

      "เธออยู่ห้อง 6 เหรอ? จริงเหรอ? งั้นเธอก็ต้องรู้จัก..."

      แบคฮยอนหยุดพูดชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ

      “เธอรู้จักมีแรใช่มั้ย”

      น้ำเสียงที่เขาถามฉัน มันเหมือนซ่อนความรู้สึกอะไรไว้บางอย่าง ความรู้สึกแบบที่ฉันคิดว่า...คือความรู้สึกเดียวกันกับฉัน

      เพียงแต่เขา รู้สึกกับอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ฉัน

      “อืม รู้จักสิ ก็สนิทกันอยู่”

      ทำไมจะไม่สนิทล่ะในเมื่อมีแรน่ะเป็นคนที่น่ารักกับทั้งผู้ชายและก็ทั้งผู้หญิง ไม่มีใครหรอกที่เข้าไปคุยกับมีแรแล้วมีแรจะทำเมินใส่

      “งั้นเหรอ”

      แบคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วก็นิ่งไป แต่ฉันก็สัมผัสได้ว่าเค้าคงอยากถามอะไรฉันต่อแน่ๆ และไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันถามคำถามนั้นกับเขา

      “แอบชอบมีแรอยู่ล่ะสิ ใช่มั้ย”

      คำถามที่ฉันคิดแค่อยากจะลองแหย่ดูเล่นๆ แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับทำเอาฉันใจสั่นไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อแบคฮยอนทำตาโต แล้วรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธโดยไว

      “คือเปล่านะ ฉัน...ฉัน....”

      คำพูดอ้ำอึ้งที่พอจะเดาออกว่าเจ้าตัวคงไม่รู้จะสรรค์หาคำพูดใดมาแก้ตัวทำให้ฉัน ปวดใจตุบๆอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ฝืนยิ้มแล้วใช้มือข้างขวาตีไหล่เค้าเบาๆ

      “แหมๆ ไม่ต้องเขินหรอก ใครๆก็ชอบมีแรกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเธอจะชอบอีกคนก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา ฮ่าๆ”

      ฉันฟังเสียงหัวเราะตัวเองที่ฝืนหัวเราะออกมาอย่างสมเพศสุดๆ กับท่าทางตบไหล่แหย่แบคฮยอนอย่างนั้น ทั้งๆที่เราไม่ได้สนิทกันเลย

      การที่ฉันรู้ว่าแบคฮยอนชอบมีแรนี่ทำให้ฉันทำท่าทางได้งี่เง่าขนาดนี้เลยหรือเนี่ยะ

      เศร้า...เศร้ามาก

      “ฉันก็แค่มองว่า มีแรเค้าก็น่ารักดี ก็แค่นั้นเอง”

      แม้แบคฮยอนจะพูดแบบนั้น แต่ท่าทาง แววตา รวมทั้งหน้าที่เริ่มขึ้นสีขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกทุกอย่างว่าความจริงเค้ารู้สึกกับมีแรอย่างไร

      ทำไมฉันถึงรู้น่ะหรือ?

      ก็เพราะฉันเองก็เคยเป็นแบบนี้ ตอนที่เพื่อนฉันแซวเรื่องฉันกับเขาน่ะสิ

      “มีแรน่ะ น่ารักตลอดเวลานั่นแหละยัยนั่นน่ะ ฉันเองไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตไหนน่ารักเท่ายัยนั่นเลยรู้รึเปล่า”

      ฉันพูดขึ้นลอย พลางสายตาก็มองทะลุผ่านสายฝนไปไกลแสนไกล พยายามมองหาอะไรซักอย่างท่ามกลางสายฝนนั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางสายตา ฉันจะได้ไม่ต้องหันไปมองหน้าแบคฮยอนเค้า

      “มีแร มีแฟนรึยังน่ะ”

      คำถามของแบคฮยอนหลังจากเงียบไปพักใหญ่ทำให้ฉันอดไม่ได้ต้องเหลือบตามองเขา ก่อนรีบหลุบตาลงต่ำเพราะกลัวเขาสังเกตสายตาของฉันที่มองเขา

      คำถามที่ยืนยันข้อสันนิษฐานของฉันได้ชัดเจนที่สุด

      “ยังหรอก ยัยนี่เลือกมาก”

      ฉันตอบไปอย่างขำๆเมื่อหันไปมองแบคฮยอนก็เห็นเขามีสายตาลอกแลกปนดีใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้คงกำลังคิดคำถามที่อยากจะถามเรื่องมีแรจากฉันอยู่

       

      “งั้นเธอพอจะรู้มั้ยว่ามีแรน่ะเค้าชอบหรือ ไม่ชอบอะไรน่ะ”

      คำถามที่มาพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขามันช่างดูน่ารัก เหมือนเด็กน้อยที่พยายามขอของเล่นจากแม่ไม่มีผิด

      คงจะแอบชอบมานานแล้วเหมือนกันสินะ

      พอความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของฉัน อยู่ๆฉันก็รู้สึกอึดอัดในใจไปหมด

      ฉันรู้ตัวว่าฉันกำลังโกรธ โกรธมากด้วย

      “ฉันว่า ฉันต้องไปแล้วล่ะ”

      ไม่พูดเปล่าฉันจ้ำอ้าวออกไปท่ามกลางสายฝนแล้ววิ่งออกไปทันที ได้ยินเสียงของแบคฮยอนตะโกนเรียกฉันด้วยคำว่า “เธอๆ” อยู่ซ้ำๆจนเสียงนั้นเริ่มไกลออกไปเพราะฉันเองก็วิ่งห่างจากตรงนั้นมาพอสมควร

      ฉันวิ่งจนไปเจอตึกแถวที่จำได้ว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว แต่วันนี้คงหยุดด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง หน้าร้านจึงเห็นแต่ประตูเหล็กปิดสนิท แต่เพราะด้านหน้าพอจะมีหลังคาสังกะสีเล็กๆยื่นออกมา ฉันจึงสามารถใช้เป็นที่หลบฝนได้ชั่วคราว

      ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง เข็มนาฬิกาทั้งสองชี้บอกเวลาว่าตอนนี้ก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่สายฝนที่กระหน่ำลงมาพร้อมเมฆครึ้มทำให้รู้สึกเหมือนเวลานี้เลยหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว

      “เกลียดเธอจริงๆ แบคฮยอน ฉันเกลียดเธอจริงๆ เกลียดเธอด้วยมี...”

      พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะพูดชื่อใครออกมา ทำให้ฉันแทบจะเอามือตะครุบปากตัวเองทันที

      ฉันทำไปได้ยังไง ฉันกำลังจะบอกว่าฉันเกลียด....เกลียดมีแรงั้นเหรอ

      น้ำตาที่เพิ่งไหลให้กับซีรี่ย์เกาหลีเรื่องโปรด กับฉากที่พระเอกต้องยอมจากนางเอกไปเพราะเหตุผลจำเป็น ตอนนี้ฉันกลับนำมาใช้ร้องไห้ให้กับตัวเองในสถานการณ์ที่ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองมากจริงๆ

      “คราวหน้าเดี๋ยวถ้าเจอฉันจะถ่ายรูปมาให้แบบชัดๆเลย เอาป่ะ”

      “เค้าก็น่ารักดีนะ แต่เธอชอบเค้านี้ ฉันขอเป็นที่สองรองจากเธอแล้วกัน”

      ประโยคมากมายที่ฉันคุยกับมีแรถึงเรื่องแบคฮยอนพรั่งพรูเข้ามาในหัวฉันเต็มไปหมด

      มีแรเองก็ชอบแบคฮยอน

      แต่มีแรก็รู้ว่าฉันก็ชอบแบคฮยอนเหมือนกัน มีแรเลยมักเป็นฝ่ายบอกฉันเสมอว่า “ได้เลย เรื่อแบคฮยอนฉันยอมให้เธอได้ที่หนึ่งคนเดียวนะ”

      ไม่มีครั้งไหนที่เมื่อมีแรได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับแบคฮยอน หรือได้เจอแบคฮยอนตามทางเดิน แล้วจะไม่เอามาบอกฉัน

      ฉันบอกแบคฮยอนไปว่าฉันกับมีแรสนิทกันอยู่ แต่ความจริงก็คือ เราสนิทกันมาก และสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสนิทกันมากก็เพราะเรื่องของแบคฮยอนเองเนี่ยะแหละ

      แต่ตอนนี้....ฉันกำลังจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับมีแร เพียงเพราะฉันรู้ว่าความจริงแล้วแบคฮยอนก็ชอบมีแรเหมือนกัน

      ฉันมันเป็นเพื่อนพันธุ์ไหนกันเนี่ยะ

      คิดได้อย่างนั้นน้ำตามากมากก็พรั่งพรูออกมาไปขาดสาย ต่อให้ฉันพยายามจะให้แขนปาดมันเท่าไหร่แต่มันก็เหมือนไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงซักนิด

      “แบคฮยอน ฉันชอบเธอ ชอบเธอจริงๆนะ แล้วทำไมเธอต้องไปชอบมีแรด้วยล่ะ”

      “เธอว่าเธอชอบใครนะ?”

      เสียงคุ้นเคยจากคนที่ฉันคิดว่าวิ่งหนีมาพ้นแล้วทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบเจ้าของเสียง

      “แบคฮยอน”

      แบคฮยอนมองหน้าฉันด้วยสายตางงๆ พลางถามย้ำฉันอีกครั้ง

      “เมื่อกี้นี้ เธอว่าเธอชอบใครนะ?”

      ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไงน้ำตายังคงไหลลงมาไม่หยุด ฉันเลยทำได้แค่หลุบตาลงต่ำไม่กล้าที่จะมองหน้าเค้าตรงๆ

      แต่พอฉันก้มหน้าได้ไม่เท่าไหร่ มือขาวพร้อมผ้าเช็ดหน้าก็ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน

      “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร โทษทีที่คาดคั้นเธอ ฉันว่าฉันหูฝาดเหมือนได้ยินชื่อฉันน่ะ”

      ฉันมองหน้าเค้าทันทีพลางเอ่ยถาม

      “เธอไม่ได้ยินใช่มั้ยว่าฉันบอกว่าชอบใคร”

      แบคฮยอนส่ายหน้า พลางยิ้มน้อยๆ

      “ถ้าได้ยินแล้วฉันจะถามเธอทำไมล่ะ บ๊องจริง”

      เค้าว่าพลางจัดการใช้ผ้าในมือมาเช็ดน้ำตาจากหน้าฉันเอง เมื่อไม่เห็นว่าฉันจะมีทีท่าที่จะรับผ้าเช็ดหน้าจากเขาซักที ซึ่งการกระทำของเขาครั้งนี้ทำเอาหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยที่เดียว

      ตายแล้ว ใจฉันทำไมมันถึงเต้นแรงอย่างนี้นะ

      “แต่ดูท่าเธอคงจะชอบเค้ามากสินะ ถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้น่ะ”

      แบคฮยอนถามขึ้นขณะที่มือก็ยังคงเช็ดน้ำตาให้ฉันต่อไป ซึ่งฉันเห็นทีจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้หัวใจวายกันพอดี ฉันเลยเลือกที่จะแย่งผ้าเช็ดหน้าจากมือเขาแล้วกล่าวพัลวัน

      “เดี๋ยวฉันเช็ดเองก็ได้ ขอบใจนะ”

      แบคฮยอนยิ้มๆพลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนถามต่อ

      “ฉันคงซักไซ้เธอมากเกินไปสินะ โทษทีละกัน แต่ฉันแค่งงที่อยู่ๆเธอก็วิ่งออกมาซะอย่างนั้น ฝนแบบนี้ ร่มก็ไม่มี เธอเป็นผู้หญิงนะระวังตัวเองหน่อยสิ”

      แบคฮยอนว่าฉันด้วยน้ำเสียงตำหนิ พลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

      “หรือที่เธอวิ่งออกมา เพราะเธอจะมาร้องไห้”

      ฉันมองหน้าเขาเล็กน้อย จึงเห็นดวงตาที่สื่อออกมาว่าอยากรู้คำตอบจากฉันมาก

      “อืม”

      ฉันตอบไปอย่างนั้น และหวังให้เขาหยุดถามซักที

      แต่ดูเหมือนฉันเพิ่งจะรู้ว่าเขานี่ก็ช่างซักใช่เล่นเหมือนกัน

      “แล้วเธอร้องไห้เพราะเรื่องอะไรน่ะ? อย่าบอกนะว่าเรื่องของฉันดันไปตรงกับชีวิตรักเธอ”

      ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงประตูเหล็กก่อนตอบ

      “ไม่ใช่หรอก เลิกถามเถอะ ปล่อยฉันไว้ซักพัก เดี๋ยวฉันก็หยุดร้องเอง”

      แบคฮยอนทำท่าจะถามต่อ แต่คงเห็นท่าทางของฉันที่ดูเหนื่อยเต็มทนเลยตัดสินใจปิดปากเงียบแล้วนั่งลงข้างๆฉันแทน

      เรานั่งเงียบๆกันเป็นเวลาพักใหญ่ จนในที่สุดน้ำตาฉันก็หยุดไหลเอง ดังว่า แบคฮยอนดูจะเลิกสนใจถามฉันแล้ว เพราะเค้าเอาแต่มองดูฝนแล้วเอามือไปรองมันเล่นอยู่อย่างนั้น พลางยิ้มกับตัวเองอย่างชอบใจ

      เป็นภาพที่น่ารักและฉันคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นได้ง่ายๆแน่ๆ

      “มองฉันอย่างนี้ ฉันเองก็เขินเหมือนกันนะ”

      คำพูดของเขาทำเอาฉันสะดุ้งโหยง รีบนั่งตัวตรง โบกมือปฏิเสธพัลวัน

      “ฉัน...ฉันเปล่ามองนะ ฉันมองฝนต่างหาก”

      แบคฮยอนยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนเอ่ยเบาๆ

      “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบด้วย”

      ฉันเบิกตาโตด้วยความรู้สึกประหลาด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งพอสิ้นประโยค คนพูดกลับหัวเราะคิกขำในท่าทางของฉัน ฉันยิ่งแทบอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เลยเลือกที่จะเปิดกระเป๋าหยิบการบ้านคณิตขึ้นมาดูแทน

      แต่เหมือนความโชคร้ายของฉันจะไม่สิ้นสุด เมื่อแบคฮยอนเลือกที่จะสนใจฝนแล้วเขยิบมานั่งใกล้ฉันแทน พร้อมทั้งก้มหน้าลงมาสำรวจการบ้านของฉันด้วย

      “คณิตเหรอ งานถนัดฉันเลยนะ ให้ช่วยมั้ย”

      แบคฮยอนอาสา แม้ฉันจะรู้สึกตื้นตัน แต่เพื่อสวัสดิภาพของหัวใจฉัน...

      “ไม่เป็นไร ฉันอยากทำเองน่ะ”

      แบคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองฝนต่อ แต่ตัวยังคงนั่งติดกับฉันอยู่อย่างนั้น

      ฉันนั่งทำการบ้านไป โดยจิตใจไม่ได้โฟกัสอยู่ที่การบ้านเท่าที่ควร เพราะคนข้างๆมีแต่จะรบกวนฉันอยู่เรื่อยๆ

      “นั่นเธอต้องใส่รูทเข้าไปไม่ใช่เหรอ?”

      “เป็นฉันจะจับไอ้สองอันนี้รวมกันแล้ว จับแยกกันทีหลัง แล้วค่อยหักออกด้วยจำนวนนี้นะ มันง่ายกว่ากันเยอะเลย”

      “เธอถอดรูท 48 ได้ 4 เหรอ มันต้องได้ 4 รูท 3 ไม่ใช่?”

      ฟึ่บ!

      “อ้าว ไม่ทำแล้วเหรอ”

      แบคฮยอนถามด้วยใบหน้างงๆ

      “อืม ฉันว่าเอาไปทำที่บ้านดีกว่า”

      เพราะขืนทำต่อไปมีหวังฉันได้สติแตกก่อนแน่ๆ

      ฉันเก็บการบ้านลงกระเป๋า เหลือบมองไปที่ฝนที่ตอนนี้เริ่มซาลงมากแล้ว ก่อนมองไปที่ข้างๆที่กำลังใช้นิ้วจุ่มน้ำมาเขียนเป็นตัวหนังสือบนพื้นซีเมนต์ที่เค้านั่งอยู่เป็นรูปใบหน้ายิ้ม

      ฉันมองเขาอยู่ซักพักก่อนตัดสินใจเอ่ยถาม

      “ไม่อยากรู้เรื่องมีแรแล้วเหรอ”

      แบคฮยอนหันมามองฉันก่อนยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ

      “อยาก แต่คิดว่าไม่อยากถามแล้วล่ะ”

      ฉันเอียงคอมองเค้าอย่างไม่เข้าใจ แบคฮยอนยิ้มให้ฉันน้อยๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

      “ฉันไม่แน่ใจว่าเพราะเรื่องที่ฉันถามเธอเกี่ยวกับมีแรรึเปล่า เลยทำให้เธอต้องร้องไห้ ฉันเลย...ไม่ถามดีกว่า”

      ฉันมองหน้าเขาที่ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน เหมือนตอนที่ฉันเห็นเขาครั้งแรกบนเวที เขายิ้มให้ทุกคนที่มาฟังเขาร้องเพลงด้วยรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่เหมือนเด็กน้อย สว่างไสวทุกครั้งที่เห็น

      “ฉัน...”

      ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ

      “ไม่เป็นไร เรื่องมีแรน่ะ แค่เธอบอกฉันแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ที่เหลือฉันจะจัดการเอง อย่าคิดมากนะ”

      เขาว่าพลางเอามือลูบหัวฉันเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงจะโกรธที่รู้จักกันไม่นานก็มาลูบหัวกันเล่น แต่เพราะเป็นเขาฉันถึงยอม ฉันค่อยๆ ถอยมานั่งพิงประตูเหล็กเหมือนเดิม ในขณะที่เขาเริ่มกันไปสนใจฝนเหมือนเดิมเช่นกัน

      บางทีฉันว่าฉันชอบเขามาก มากซะจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

      ฉันเปิดกระเป๋าอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่ฉันควานหาไม่ใช่สมุดการบ้าน แต่เป็นโทรศัพท์มือถือ

      ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนกดไปที่ประวัติการโทรไม่นานมานี้ก่อนจ้องมองชื่อบนหน้าจออย่างชั่งใจ แล้วกดต่อไปอยู่พักก่อนเอ่ยถามขึ้นมา

      “เธอชอบมีแรมากเลยเหรอ”

      แบคฮยอนหันมามองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันเลยถามย้ำอีกรอบ

      “ฉันถามว่าเธอชอบมีแรมากเลยเหรอ? ชอบมานานรึยัง? ชอบเพราะอะไร แล้ว...”

      “นี่เธอจะถามซักประวัติคนร้ายหรือไงเนี่ยะ ฮ่าๆ”

      แบคฮยอนแซวพร้อมกับหัวเราะ เสียงดังฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อยด้วยความเขินอาย พลางหงุดหงิดคนที่ฉันเพิ่งถามคำถามไป เลยเตรียมจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แต่ก็ต้องชะงักด้วยคำพูดต่อมา

      “ฉันชอบมีแรมากเลยล่ะ ชอบมาพักนึงแล้วล่ะ คงซักปีนึงได้มั้ง ฉันเจอมีแรตอนมาช่วยครูยกของที่ห้องดนตรี ทั้งๆที่โดนทำโทษให้เก็บของในเครื่องดนตรีคนเดียวแท้ๆ แต่ยังกลับหัวเราะร่าเริง และยิ้มได้ เค้าเข้ามาชวนฉันคุยนิดหน่อย แต่ก็ดูเขินๆฉันนะ แต่เธอรู้มั้ยฉันเขินเค้ามากกว่าอีกนะ แต่ด้วยความเป็นผู้ชายเลยได้แต่ทำนิ่งใส่ ฮ่าๆน่าขำใช่มั้ย ถ้าถามว่าฉันชอบเค้าเพราะอะไร ฉันคงไม่ปฏิเสธว่าหน้าตามีแรดึงดูดความสนใจฉันเหมือนกันแหละ แต่ที่ฉันชอบที่สุดก็คือความสดใส ร่าเริง ตลกของเธอน่ะ ทำให้ฉันอยากคุยกับเธอต่อ ฉันคงบอกสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับมีแรได้แค่นี้แหละ เพราะฉันก็ไม่เคยได้คุยกันจริงๆจังๆซักครั้งเลยนี่หน่า”

      แบคฮยอนหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี แล้วจึงฮัมเพลงต่อหลังจากเล่าจบ

      ฉันมองเค้าพลางยิ้มน้อยๆ ก่อนตัดสินใจกดนิ้วลงบนโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความต่ออีกเล็กน้อยก่อนปิดเครื่อง แล้วก็เก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า

      ฝนใกล้หยุดแล้ว แดดตอนห้าโมงที่กำลังจะลับขอบฟ้าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลาของฉันจะหมดลงแล้ว

      “ฝนกำลังจะหยุดแล้ว เธอรออีกพักแล้วค่อย...”

      “เดี๋ยวฉันว่าฉันจะไปเลยล่ะ”

      แบคฮยอนหันมามองหน้าฉันอย่างงงๆ พร้อมกับจะเอ่ยค้าน แต่แน่นอนฉันไวกว่า

      “ขืนรอนานกว่านี้ฉันได้ถึงบ้านค่ำแน่ๆ ตอนนี้ก็เริ่มซามากแล้ว ฉันว่าฉันเดินไปตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก”

      แบคฮยอนมองฉันพลางหัวเราะเบาๆ เขาคงเดาได้ว่าขืนห้ามฉันต่อไปฉันก็คงหาข้ออ้างมาอ้างที่จะไปอยู่ดี

      “อืม งั้นเอาร่มฉันไปนะ ถึงจะเริ่มซาแล้วแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาตกใหม่ เผื่อไว้น่ะ”

      “แล้วเธอล่ะ?”

      “ฉันเหรอ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไงพ่อฉันก็มารับอยู่แล้วฉันแค่โทรบอกพ่อว่าฉันรออยู่ตรงนี้ก็แค่นั้นเอง เธอเอาไปเถอะ”

      แบคฮยอนยื่นร่มให้ฉัน พอเห็นฉันไม่รับก็รีบหยิบร่มยัดมือฉันโดยไว

      “เร็วสิ ถ้าไม่รีบกลับตอนนี้ เดี๋ยวฝนมาอีกรอบเธอจะไม่ถึงบ้านเอานะ”

      ฉันยิ้มให้เขาพลางพยักหน้าแล้วรับร่มมา ฉันมองร่มสีฟ้าอย่างพิจารณาพลางตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

      “ฉันขอร่มเธอได้มั้ย?”

      “หา?”

      แบคฮยอนดูออกจะงงๆกับคำถามฉัน ฉันเลยถามย้ำอีกรอบ

      “ร่มเธอน่ะ ฉันขอเลยได้มั้ย?”

      แบคฮยอนอ้าปากค้างอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ก่อนหัวเราะออกมา แล้วยิ้มแป้น พลางยักคิ้วน้อยๆแล้วบอก

      “อื้ม ได้ ฉันยกให้ ถือว่าให้ที่เธออยู่เป็นเพื่อนฉันในวันนี้ แล้วก็ทนฟังฉันพล่ามอะไรมากมาย”

      ฉันยิ้มให้เขาก่อนเอ่ย

      “ฉันต่างหากที่น่าจะขอบคุณเธอ ฉันขี้แยไปเรื่อย เธอเลยต้องตามมาดูฉันเลย ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแท้ๆ ขอบใจมากนะ”

      แบคฮยอนยิ้มให้ฉันอย่างใจดีก่อนพยักหน้าแล้วทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหาร

      “ด้วยความยินดีนะเพื่อนใหม่ เอ๊ะจริงสิ เธอชื่ออะไรน่ะ โทษทีนะ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลย มีแต่เธอที่รู้ชื่อฉัน”

      ฉันยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนเอ่ย

      “ไม่ต้องรู้วันนี้หรอก เดี๋ยวถ้าเราเจอกันอีก เธอค่อยถามฉันอีกรอบ จะได้รู้ว่าเธอจะยังจำฉันได้รึเปล่า”

      แบคฮยอนหัวเราะขำกับความคิดของฉันก่อนเอ่ย

      “เธอนี่บ๊องใหญ่แล้ว ก็ต้องจำได้อยู่แล้วล่ะ ก็ได้ งั้นเจอกันครั้งหน้าฉันจะถามชื่อเธอละกัน ไม่สิ พรุ่งนี้เดี๋ยวต้องเจอกันที่โรงอาหารแน่ เปิดเทอมวันแรกนี่หน่า พรุ่งนี้ฉันจะถามชื่อเธอละกันนะ”

      “อืม”

      ฉันกางร่มสีฟ้าคันโตออก เพิ่งสังเกตเห็นเดี่ยวนี้เองว่ามันมีลายโดราเอมอนติดอยู่ด้วย

      “ขอบคุณสำหรับร่มนี่นะ ฉันจะรักษามันให้ดี”

      แบคฮยอนยิ้มก่อนเอ่ย

      “แน่นอน เธอต้องรักษามันให้ดีนะ ถ้าคราวหน้าฝนตกฉันจะคอยมองหาเธอจากร่มฉันนี่แหละ เธอต้องพกมันมาทุกๆหน้าฝนนะ เข้าใจ๋”

      ฉันหัวเราะกับคำพูดเชิงบังคับของเขาก่อนพยักหน้ารับปาก แล้วจึงมองไปยังเส้นทางที่เป็นทางกลับบ้านของฉัน ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้มันถึงดูแปลกไปจากเดิมนะ ทั้งๆที่ฉันก็เดินกลับทางนี้ทุกวัน

      หรือจะเป็นเพราะฝนที่กำลังตกปรอยๆตอนนี้

      หรือจะเป็นเพราะแสงอาทิตย์ที่ใกล้ตะตกดินเต็มที

      หรือจะเป็นเพราะ”เขา” ที่เข้ามาด้วยความบังเอิญในวันฝนตกนี้

      ฉันยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ก่อนหันไปโบกมือเป็นครั้งสุดท้ายให้เจ้าของร่มคนเก่า

      “แล้วเจอกันใหม่นะ”

      แบคฮยอนยิ้มให้ฉันจนตาของเขาหยีเล็กพร้อมเอ่ยประโยคเดียวกัน

      “แล้วเจอกันใหม่นะ”

      ฉันเดินออกไปพร้อมทอดสายตามองถนนที่ยังเห็นเม็ดฝนตกกระทบพื้นเล็กน้อย แต่ก็มีแสงแดดส่องมาด้วย ฉันพยายามก้าวเท้าให้ยาวเพื่อที่จะเหยียบเม็ดฝนบางเม็ดที่ตกลงบนพื้นซักพักก่อนหันกลับไปยังคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

      เขาดูมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับการที่ฉันหันกลับมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเขาเองก็กำลังมองฉันอยู่

      “อะไรของเธอ อยู่ๆก็หันมา ฉันตกใจหมดเลย”

      ฉันยิ้มให้เขาก่อนเอ่ย

      “ฉันลืมบอกเธอไปอย่างนึงน่ะ”

      แบคฮยอนมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบที่ฉันกำลังจะบอกเขา

      “มีแรน่ะ ชอบกินเค้กช็อตโกแลตมากเลยนะ ยัยนั่นมีความฝันว่าอยากได้ดอกกุหลาบขาวจากผู้ชายที่ชอบ ปกติชอบฟังเพลงเกาหลีทั่วไปที่นักร้องหล่อๆนั่นแหละ วันว่างชอบไปขี่จักรยานแถวหมู่บ้าน หลักๆก็มีแค่นี้แหละ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เธอควรรู้ไว้ แล้วตัดสินใจซะว่าควรจะทำยังไงต่อไป....”

      แบคฮยอนดูอึ้งกับข้อมูลที่ฉันกำลังป้อนให้เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่นี่ยังไม่ใช่ทีเด็ดนะ

      “มีแรน่ะ เค้าก็ชอบนายตั้งแต่วันที่นายประกวดร้องเพลงแล้วล่ะ มีแรน่ะเค้าชอบนายอยู่เหมือนกันนะ”

      แบคฮยอนอ้าปากค้างกับข้อมูลที่ฉันเพิ่งบอกไป ฉันยิ้มให้อีกครั้งก่อนรีบหันหลังแล้ววิ่งไปสุดแรงเกิด เพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตาของฉันที่กำลังไหลออกมา

      ขอบคุณคราวนี้ที่ฉันวิ่งเร็วจนเขาวิ่งตามมาไม่ทัน

      ตี๊ดๆๆๆๆๆ

      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่ฉันวิ่งมาได้ซักพัก ซึ่งตอนนี้ฉันก็มาถึงบ้านของฉันแล้ว ไม่สิ มันกำลังจะกลายเป็นอดีตบ้านของฉันแทนแล้วนี่หน่า

      ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แทบไม่ต้องดูชื่อบนหน้าจอ ฉันก็รู้ว่าใครโทร

      คนเดียวกับที่ฉันเพิ่งส่งข้อความไปให้เมื่อกี้แน่ๆ

      ติ๊ด

      “ว่าไง ยัยมีแรโร”

      [นี่ เลิกเรียกชื่อฉันด้วยชื่ออุบาตนั่นเสียทีสิ จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ แกจะเรียกชื่อฉันให้มันถูกๆหน่อยไม่ได้รึไง]

      “ความสุขของฉัน อย่าขัดได้ป่ะ ฮ่าๆ”

      [ว่าแต่....คลิปเสียงนี่มันคืออะไร]

      “อะไร อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้น่ะว่าเสียงใคร เรายังไปแอบฟังเค้าร้องเพลงทุกเย็นอยู่เลยนะ”

      [ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่แค่...ไม่อยากเชื่อก็เท่านั้น]

      “งั้นก็เชื่อได้แล้ว เพราะคนที่เค้าคุยด้วยคือฉัน และฉันเองที่อัดเสียงเค้ามาให้แก ฉะนั้น ข้อมูลนี้ชัวร์ได้เลย”

      […]

      “อะไร ทำไมเงียบอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”

      [แกทำแบบนี้ทำไม แกเองก็แอบชอบเค้าไม่ใช่หรือไง]

      “อืม ก็ใช่”

      [แล้วแกยังจะ...]

      “แต่ฉันก็รักแกเหมือนกันนี่หน่า ฉันผิดมากเหรอที่ฉันอยากให้คนที่ฉันรักทั้งสองคนได้รักกัน”

      [แต่...]

      “แกคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอตอนที่รู้ว่าเค้าชอบแก ฉันก็คนนะ เฮิร์ตเป็นเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าฉันควรจะทู่ซี้ต่อไปทำไม แค่วันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของฉันที่นี่ ฉันได้คุยกับเค้า ได้ใช้เวลาอยู่กับเค้า แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณฟ้ายังไงแล้ว”

      [แกชอบเค้าก่อนฉันซะอีก แล้วก็ชอบมากกว่าฉันด้วย เค้าควรจะได้คบกับแกมั้ย]

      น้ำเสียงปลายสายบอกให้ฉันรู้ว่า คนพูดกำลังร้องไห้อยู่

      “ฟังฉันนะมีแร ฉันชอบเค้า แต่เค้าน่ะชอบแกจริงๆนะ แล้วฉันก็รู้ว่าแกก็ชอบเค้าไม่น้อยไปกว่าฉัน แกเห็นฉันเป็นเพื่อนงี่เง่าที่จะต้องแย่งของเพื่อน เพราะฉันชอบเค้ามากกว่าทั้งๆที่เค้าไม่ชอบฉันงั้นเหรอ  ตลกไปแล้ว”

      [เค้าอาจจะชอบฉันแบบคนอื่นๆที่เข้ามาปลื้มฉันไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับฉันก็ได้นะแก]

      “ก็แล้วไงล่ะ นั่นเป็นเรื่องของแกกับแบคฮยอนแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแกสองคนจะลงเอยกันมั้ย แต่ฉันแค่อยากบอกให้แกรู้ในฐานะเพื่อนแกเท่านั้น อยากให้แกมีความสุขที่รู้ว่าคนที่แกแอบชอบเค้าก็ชอบแก และที่สำคัญคือไม่อยากให้แกคิดมากว่าฉันจะคิดยังไง]

      [แก...]

      “ฉันสบายดี และฉันก็ดีใจและภูมิใจที่ทำแบบนี้ ฉันดำเนินเรื่องให้แกเกือบหมดแล้วนะ พรุ่งนี้เปิดเทอมใหม่ยังไงก็คอยดูแบคฮยอนละกันว่าเข้าจะทำยังไง ฉันก็บอกใบ้เรื่องแกไปเยอะละ ถ้าเค้าไม่ทำอะไรซักอย่าง นั่นคงเกินไปหน่อย”

      [แก...ขอบใจนะ แล้วก็ขอ...]

      “ขืนแกพูดว่าขอโทษฉันจะบอกพ่อกับแม่เลื่อนไฟลทไปเมกา เพื่อไปด่าแกถึงบ้านเลยคอยดู”

      [ง่า...โหดไปนะแกอ่า]

      แล้วเราสองคนก็หัวเราะกันเสียงดังใส่โทรศัพท์กัน

      [แกโอเคแน่นะ ไม่ว่าเรื่องถัดมาจะเป็นยังไง]

      “มีแร สิ่งที่ฉันทำไปวันนี้ฉันมองไว้หมดแล้วล่ะ ว่าไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงฉันก็โอเคกับผลมัน เพราะฉันเลือกแล้ว รู้มั้ย ทุกอย่างมันอาจจะดำเนินเรื่องเป็นว่า ฉันไม่บอกแกเรื่องเค้าชอบแก และไม่บอกเค้าเรื่องแกชอบเค้าก็ได้ ถ้าไม่ติดว่า ถ้าเทียบกับความชอบที่ฉันมีให้เค้า ฉันมั่นใจว่ายังไงฉันก็รักแกมากกว่า ดังนั้น มีแร ถ้าตัดสินใจยังไง ไม่ต้องห่วงทางฉันนะ เพราะฉันโอเคกับมันทุกประการ”

      ฉันได้ยินปลายสายร้องไห้ออกมา พร้อมกับการขอร้องไม่ให้ฉันย้ายไปอเมริกากับพ่อแม่ ฉันเลยต้องรีบตัดบทบอกว่าต้องเก็บของต่อทั้งๆที่ความจริงเก็บเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพื่อที่จะได้ไม่ต้องฟังคำอ้อนวอนของมีแร ไม่งั้นฉันได้ร้องไห้ตาบวมก่อนขึ้นเครื่องแน่เลย

      ฉันค่อยๆวางร่มสีฟ้าลงกับพื้น พร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้าสดใสที่บางส่วนยังมีเมฆหมอกปนอยู่ แต่ที่แน่ๆฝนหยุดแล้ว และพระอาทิตย์กำลังส่อง ถึงแม้จะเป็นอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าก็เถอะ แต่มันก็อบอุ่นอย่างประหลาด

      ฉันอาจเสียใจที่เค้าไม่รักฉัน แต่ไปรักเพื่อนฉันแทน

      ฉันอาจเสียใจที่เขาถามแต่เรื่องของเพื่อนฉันแต่ไม่เคยคิดจะถามชื่อฉันเลย จนวินาทีสุดท้ายที่เราจากกัน

      ฉันอาจเสียใจที่ความรู้สึกของฉันเขาไม่เคยรับรู้ และจะไม่มีวันรับรู้มันไปตลอด

      ฉันอาจเสียใจที่พอจะเดาตอนจบได้ว่าสุดท้ายสองคนก็คงคบกับ

      แต่ฉันมั่นใจว่า

      ฉันไม่มีวันเสียใจที่ฉันได้ช่วยบอกความรู้สึกของสองคนนั้นให้กันและกันรู้

      เพราะไม่ว่าผลสุดท้ายแม้ฉันรู้ว่าฉันเองจะไม่สมหวัง...

      แต่ฉันก็มีความสุขที่คนที่ฉันรักทั้งสองคนได้มีความสุขร่วมกัน

      สายฝนพัดผ่านชีวิตฉันไปวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน วันหนึ่งฉันเชื่อว่าสุดท้ายมันจะเป็นวันของฉันบ้างเช่นกัน

      -THE END-

      Cr: [Ma.Si]
      ------------------------------------------------------------------------------------
      ***ติชมกันได้เต็มที่เลยนะคะ เพราะเราเชื่อว่าการติจะทำให้เราได้เรียนรู้ และปรับปรุงเยอะขึ้น ^ ^
      ***เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ ศิลปินตัวจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ ^ ^

      ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ
      Facebook:https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87/420716504705091 หรือพิมพ์ว่า กาลครั้งหนึ่งนะคะ

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×